วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ล้ำเกินใคร เชฟโรเลต รถอเนกประสงค์ยอดนิยม

ล้ำเกินใคร เชฟโรเลต รถอเนกประสงค์ยอดนิยม

แม้จะไม่ใช่รถยนต์ใหม่ถอดด้าม หรือรถที่มียอดขายร้อนแรง แต่สำหรับเชฟโรเลต แคปติวา รถอเนกประสงค์ เชื้อสายอเมริกันรุ่นนี้ ปัจจุบันยังคงมีคนถามถึงไม่ขาดสาย แสดงให้เห็นว่าเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จึงอดไม่ได้ที่จะต้อง ?จัดให้? นำมาบอกเล่าถึงจุดเด่นที่หลายคนอยากรู้ว่ามีทีเด็ดแค่ไหน ยอดขายถึงได้ดีวันดีคืน

สาเหตุก็คงเป็นเพราะแคปติวาตอบโจทย์ความเป็นรถอเนกประสงค์ ด้วยจุดเด่นในเรื่องความสะดวกสบายในการใช้งาน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกค่อนข้างครบ รูปร่างหน้าตาดูหรูหรา 

โดยเฉพาะรูปร่างหน้าตาดูคมเข้ม กระจังหน้าสองชั้น ?ดูอัลพอร์ท? ขนาดใหญ่ พร้อมกรอบโครเมียมหรู สะท้อนเอกลักษณ์ของเชฟโรเลต คาดกลางด้วยโลโก้โบไทสีทองขนาดใหญ่ขึ้น ใช้วัสดุพิเศษเพิ่มมิติบนพื้นผิวโลโก้ กรอบไฟหน้าดีไซน์ใหม่ เน้นความดุดันอยู่คู่กับไฟโปรเจ็กเตอร์ ทำให้ดูสะดุดตากว่ารถเชฟโรเลตรุ่นอื่นๆ 

ฝากระโปรงและกันชนหน้าออกแบบใหม่ ให้ดูมีเส้นสายลื่นไหล มีช่องรับอากาศและไฟตัดหมอกรูปทรงใหม่ ฝังตัวอยู่บริเวณด้านข้างของกันชนหน้า เติมความบึกบึนด้วยแผ่นกันกระแทกสีบรอนซ์ใต้กันชนหน้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในแคปติวาใหม่ทุกรุ่น

ขณะที่ด้านท้ายรถติดตั้งสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่สาม ส่วนบริเวณกันชนได้รับการติดตั้งแผ่นกันกระแทก รับกับปลายท่อไอเสียคู่โครเมียมแบบสปอร์ต

แม้ว่าจะเป็นรถอเนกประสงค์รูปร่างค่อนข้างใหญ่ แต่แคปติวาถูกออกแบบให้มีภาพลักษณ์โฉบเฉี่ยว หลังคาออกแบบให้โค้งมน จึงมีกลิ่นอายสปอร์ตแบบคูเป้ แถมยังเพิ่มรายละเอียดความหรูหราอย่างวัสดุโครเมียมบริเวณกระจกบังลมข้าง ก้านเปิดประตูสีเงิน กระจกข้างพร้อมไฟเลี้ยว และรางอเนกประสงค์บนหลังคา เรียกได้ว่าไม่ต้องไปแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย

Chevrolet Captiva ได้รับการปรับโฉมครั้งสำคัญ เมื่อปี 2554 คือการติดตั้งเครื่องยนต์ E85 ถือเป็นรถเอสยูวีแบบเฟล็กซ์ฟิวรองรับเชื้อเพลิงได้หลากหลายรูปแบบรุ่นแรกในระดับนี้ที่มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 

เครื่องยนต์เบนซินรองรับเชื้อเพลิง E85 เป็นบล็อก 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร DOHC และระบบวาล์วแปรผันต่อเนื่อง กำลังสูงสุด 168 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิด 229 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อม DSC นอกจากนี้ ยังมีโหมดขับขี่แบบ ECO ช่วยลดอัตราการบริโภคน้ำมันลงได้

เครื่องยนต์เบนซิน E85 ของแคปติวา มีศักยภาพรองรับเชื้อเพลิงได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ E0 (น้ำมันเบนซินล้วน) ไปจนถึง E10 E20 และสูงสุดคือ E85 ราคาน้ำมันถูกกว่าชาวบ้าน

นอกจากนี้ แคปติวายังมีขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,750 รอบ/นาที ให้เลือกใช้อีกด้วย

การออกแบบภายในถือว่าไม่เป็นรองใคร เน้นความลื่นไหลของคอนโซลไปถึงแผงประตูข้างของห้องโดยสารตอนหน้า พร้อมกับใช้วัสดุสีโทนสว่างอย่างเมทัลลิก เพิ่มมิติความหรูหรา ทำให้ห้องโดยสารดูโล่งโปร่ง เบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า แผงคอนโซลหน้ามีหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ดูหนังฟังเพลง ตลอดจนบอกข้อมูลการขับขี่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น LTZ ด้านล่างของจอติดตั้งสวิตช์ต่างๆ และนาฬิกาบอกเวลาทรงกลม

ร่องเกียร์ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น เน้นความบึกบึน พวงมาลัย 4 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่น ผู้ขับสามารถควบคุมระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียงและระบบปรับอากาศ นับเป็นครั้งแรกของรถระดับนี้

เช่นเดียวกับการติดตั้งเบรกมือไฟฟ้าครั้งแรกในรถอเนกประสงค์ ใช้งานง่ายกว่าเบรกมือแบบเดิม แถมยังเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระบริเวณคอนโซลกลางอีกด้วย

ในยามค่ำคืน แผงคอนโซลให้แสงสีฟ้าอ่อน (ไอซ์ บลู) เช่นเดียวกับมาตรวัดรอบและความเร็วดีไซน์ใหม่แบบเรืองแสง ทำให้ดูหรูหราทันสมัยเพิ่มยิ่งขึ้น

ระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัทที่ด้านหน้า ใช้ระบบช่วงล่างอิสระมัลติลิงค์ยึด 4 จุดที่ด้านหลัง พัฒนาโดยใช้เหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ขึ้น ปรับตั้งโช้กอัพและสปริงใหม่ ติดตั้งลิงค์ไฮโดรลิกที่ช่วงล่างด้านหลัง

เพื่อลดแรงสั่นสะเทือน การออกแบบเช่นนี้สามารถสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวล แม้ในยามเผลอขับตกหลุมลึกเอาเรื่องในขณะใช้ความเร็ว 80-90 กม.ต่อ ชม. ถ้า

เป็นรถรุ่นอื่น คงออกอาการบางอย่างให้เห็น แต่สำหรับแคปติวาถือว่า ?ผ่าน?

ระบบความปลอดภัยมีทั้ง ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist) ช่วยป้องกันรถไหลจากการเบรกชั่วขณะในระหว่างขับขึ้นทางชัน 1-2 วินาที เพื่อให้ผู้ขับสามารถเปลี่ยนเท้าจากเบรกไปยังแป้นคันเร่งได้อย่างมั่นใจ

ระบบช่วงล่างยกตัวอัตโนมัติ (Self-Levelizer) ช่วยปรับระดับช่วงล่างให้อยู่ระนาบเดียวกัน เช่นเมื่อมีการบรรทุกสัมภาระด้านท้ายรถ จะปรับให้ด้านหน้ากับหลังอยู่ระดับเดียวกัน เพื่อให้ควบคุมรถได้มั่นคงขึ้น

ระบบควบคุมความเร็วขณะลงที่ลาดชัน (Hill Descent Control) เพียงกดปุ่ม HDC บนคอนโซล ระบบจะควบคุมความเร็วให้เหมาะสม ผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบเบรก ตัวรถจะไหลลงทางลาดชันด้วยความเร็วคงที่

รถอเนกประสงค์อย่างแคปติวา มีสมรรถนะขนาดนี้ อุปกรณ์ต่างๆ ระดับนี้ หน้าตาประมาณนี้ ตั้งราคาไว้ที่ 1,198,000-1,699,000 บาท คือคำตอบสำหรับคำถามทำไมถึงเป็นรถอเนกประสงค์ยอดนิยม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น