วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ISUZU D-MAX แหกโค้งพังงาสังเวย 4 ศพ สาหัส 6

ISUZU D-MAX แหกโค้งพังงาสังเวย 4 ศพ สาหัส 6 

 เวลา 12.10 น. วันที่ 25 พ.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.อ.เอกภพ ภู่ทอง พงส.เวร สภ.ตะกั่วทุ่ง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนจำนวนหลายคันมีผู้บาดเจ็บและตายหลายราย ที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันซัสโก้ ถนนเพชรเกษม ตำบลกะไหล อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา  ระหว่างกิโลเมตรที่ 18-19 จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ประภาษ พลรบ รองผกก.สส.สภ.ตะกั่วทุ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตะกั่วทุ่ง เจ้าหน้าที่แพทย์-พยาบาล ศูนย์นเรนทรพังงา หน่วยกู้ชีพเมืองพังงา หน่วยกู้ชีพวัดเก่าเจริญธรรม หน่วยกู้ภัยโลมาโคกกลอย ที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บง 9239 สตูล ลักษณะตะแคงด้านคนขับติดพื้น อยู่ในร่องกลางระหว่างถนน 4 ช่องทางจราจร มีศพผู้ชายติดคาอยู่ในเก๋งรถหน้าพวงมาลัย 1 ศพ เป็นคนขับรถคันดังกล่าว ทราบชื่อต่อมาคือนายเดช รายารักษ์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145 ม.3 ต.แหลมสน อ.ละงู จ.สตูล สภาพหน้ารถด้านซ้ายยุบกระจกแตกยับทุกด้าน

 ห่างออกไปประมาณ 5 เมตร ริมถนนอีกด้านที่สวนทางกัน พบรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต โคโลราโด แอลที สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บห 7515 นครศรีธรรมราช คนขับขี่ชื่อนายธรรมรัตน์  เมฆทรัพย์  อายุ 35 ปี อยู่ 40 ม.4 ต.นาใต้ อ.นาเดิม จ.สุราษฎรธานี ซึ่งปลอดภัย ลักษณะรถยนต์จอดเฉียงกับแนวถนนหัวรถจ่อขอบถนนด้านใน ใต้ท้องรถยนต์พบศพผู้ชายลักษณะสวมเสื้อคอโปโลแขนยาวสีดำ สวมกางเกงขายาวสีดำเลือดไหลท่วมตัว ทราบชื่อต่อมาคือนายรุสลัน จิมาน อายุ 19 ปี ยังไม่ทราบที่อยู่ ห่างออกมาเล็กน้อย มีศพผู้ชายอีก 1 ศพ ทราบชื่อต่อมาคือ นายวัชระ เกนุ้ย อายุ 28 ปี เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเทศบาลตำบลราไวย์ จ.ภูเก็ต ที่บริเวณศีรษะมีเลือดกองอยู่กับพื้นถนน และต่อเนื่องกันห่างไปเล็กน้อย ยังพบศพเด็กผู้ชาย ทราบชื่อต่อมาคือ ด.ช.ฟุรกอน จิมาน อายุ 13 ปี นอนหงายจมกองเลือด ที่ศีรษะเลือดไหลเต็มพื้น

 นอกจากนั้นที่ริมถนนฝั่งตรงข้ามท้ายรถกระบะเชฟโรเลต ยังมีรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 2 สปอร์ต สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กค 2108 พังงา ยังไม่ทราบชื่อคนขับทราบว่าเจ้าตัวปลอดภัย สภาพหน้ารถยนต์ด้านขวายุบไฟหน้าแตกละเอียด ส่วนรายอื่นๆ ที่นั่งมากับรถยนต์อีซูซุ ดีแมคซ์ ที่ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย ประกอบด้วย ด.ช.มุคลิก โกบแม็ง อายุ 12 ปี มีอาการสาหัสแพทย์ต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่ ร.พ.วชิระภูเก็ต จ.ภูเก็ต นอกนั้นมีนางฆอดียะร์ ฟุนขาว อายุ 47 ปี, นางหมะรัย จิมาน อายุ 45 ปี, น.ส.อัสมวตี บูสู อายุ 23 ปี, ด.ญ.กัสตูลี บรรดา อายุ 13 ปี และด.ช.อฟันดี แสงวิมาน อายุ 6 ปี ซึ่งผู้ที่บาดเจ็บทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสตูล ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.พังงา และอยู่ในอาการปลอดภัยทั้งหมด โดยพนักงานสอบสวนได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ ที่กระบะรถยนต์หลังมีคนนั่งมาจำนวน 6 คน และอยู่ในเก๋ง 4 คน รวมคนขับ วิ่งมาจากตำบลโคกกลอย มุ่งหน้าไปเมืองพังงา บริเวณตรงกลางระหว่างถนน 4 ช่องทางจราจร ลักษณะเป็นพื้นดินและเป็นร่องลึกปลูกต้นไม้ตลอดแนว ก่อนที่จะถึงจุดเกิดเหตุเล็กน้อย ถนนเป็นทางโค้งแล้วเข้าทางตรง ขณะนั้นฝนตกลงมาอย่างหนัก ด้วยความเร็วรถทำเสียหลักพุ่งเข้าชนต้นไม้ขนาดเส้นรอบวงประมาณ 50 ซม. ถอนรากไปทั้งยวงและไปปะทะกับต้นไม้ขนาดใหญ่ เส้นรอบวงประมาณ 80 ซม. ก่อนรถหยุดตะแคงอยู่ดังกล่าว ส่วนคนที่นั่งอยู่กระบะท้ายรถคันเกิดเหตุคาดว่า ด้วยความเร็วรถขณะหัวรถยนต์ทิ่มลงถนนต่างระดับ และพุ่งไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่อย่างแรง ทำให้คนที่นั่งอยู่กระเด็นปลิวไปฝั่งถนนตรงข้าม ขณะเดียวกับรถกระบะเชฟพโรเลตวิ่งสวนทางมา จึงชนเข้ากับผู้ตายอย่างแรง ส่วนรถมาสด้า 2 ตามหลังรถเชพโรเลต ประกอบกับถนนลื่น จึงเฉี่ยวเข้ากับท้ายรถเชฟโรเลตไปด้วย โดยผู้โดยสารในรถเชฟโรเลตและรถมาสด้า 2 ไม่มีใครได้รับอันตรายแต่อย่างใด

 ส่วนกรณีอุบัติเหตุรถกระบะขนแรงงาน ยี่ห้ออีซูซุทะเบียน บค 6788 ปัตตานี เสียหลักแหกโค้งชนประสานงากับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ ทะเบียน กธ 8519 ตรัง ที่บริเวณโค้งห้ามตาย ถ.เพชรเกษม ม.2 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ 6 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 3 ราย รวมเป็น 9 ศพ และยังมีผู้บาดเจ็บอีก 7 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำคืนของวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น
     
 ล่าสุด วันที่ 25 พ.ค. ร.ต.ท.วิรัตน์ มาศโอสถ ร้อยสอบสวน สภ.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ทราบชื่อต่อมา คือ นางแมะย๊ะ สุเหร็น อายุ 64 ปี บ้านอยู่ จ.ตรัง โดยเสียชีวิตขณะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกระบี่ ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 10 ราย
      
 สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย นายเฉด หมาดเส็น อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/1 ม.2 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง นายฮารูน คมขำ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/2 ม.2 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส นายกูดี กูโดบ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/2 ม.2 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส นางวรรณดี จิหมัง อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ม.2 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง นายมะกูเซ็ง สารีเปะ อายุ 31 ปี บ้านอยู่ จ.นราธิวาส นายฮะซัน ไม่ทราบนามสกุล นายไพศร กิยะ อายุ 18 ปี บ้านอยู่ อ.รามัน จ.ยะลา นายสุริยา ฮาแว อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86ม.6 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นางจ๊ะ หมาดเด็น อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 ม.1 ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง และนางแมะย๊ะ สุเหร็น อายุ 64 ปี บ้านอยู่ จ.ตรัง
      
 อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุโศกนาฏกรรมหมู่ในครั้งนี้ จากการสอบสวนจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า เกิดจากรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ได้บรรทุกคนงานก่อสร้างทางเพื่อกลับที่พักโดยมีคนงานนั่งกันมาในรถ 6 คน มุ่งหน้ากลับที่พักไปทาง อ.คลองท่อม เมื่อมาถึงบริเวณทางโค้งที่เกิดเหตุรถเสียหลักพุ่งชนรถกระบะวีโก้ ดัดแปลงเป็นรถสองแถวที่ขับสวนทางมา โดยมีคนนั่งมาในรถ 10 คน ซึ่งทราบว่ามาจากร่วมงานแต่งที่จังหวัดภูเก็ต ขับมุ่งหน้าไปจังหวัดตรัง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 6 ราย และเสียชีวิตหลังจากนำตัวส่งโรงพยาบาลอีก 4 ราย พร้อมกับยังมีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ส่วนสาเหตุคาดว่า สาเหตุเกิดจากถนนลื่นทำให้รถเสียหลักชนกันเนื่องจากเป็นช่วงที่ฝนกำลังตก 

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เชฟโรเลต โคโลราโด คว้ารางวัลรถกระบะยอดเยี่ยมแห่งปี โดยฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน

เชฟโรเลต โคโลราโด คว้ารางวัลรถกระบะยอดเยี่ยมแห่งปี โดยฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน

  • รถกระบะพันธุ์แกร่งโคโลราโด เป็นรถที่ขายดีที่สุดของเชฟโรเลต ประเทศไทย
  • รางวัลรถกระบะยอดเยี่ยมแห่งปีเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากหกรางวัล ‘รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี’ ที่เชฟโรเลต ได้รับภายในงานมอเตอร์โชว์
กรุงเทพฯ – เชฟโรเลต โคโลราโด คว้ารางวัล ‘รถกระบะยอดเยี่ยมแห่งปี’ จากบริษัทวิจัยตลาดชั้นนำของโลกอย่างฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan)

ถือเป็นสัปดาห์แห่งรางวัลเกียรติยศของเชฟโรเลต หลังจากเมื่อสองวันที่แล้ว เชฟโรเลต สามารถคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีได้ถึงหกรางวัล หนึ่งในนั้นคือโคโลราโด ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์
“เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากที่ได้เห็นพนักงานของเชฟโรเลต ได้รับการยกย่องด้วยรางวัลอันทรงเกียรติที่พวกเขาสมควรได้รับจากความมุ่ง มั่นทำงานหนัก” มร.มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

“ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการแข่งขันอันสูงมากเช่นนี้ โคโลราโด สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยได้มากกว่ารถกระบะรุ่นอื่นที่เปิดตัว เมื่อปีที่แล้ว ลูกค้าชื่นชอบในจุดขายที่แข็งแกร่งของรถกระบะของเราตั้งแต่การออกแบบอันโดด เด่น การรองรับการใช้งาน ไปจนถึงเครื่องยนต์ที่มีคุณภาพเหนือระดับ” มร.แอพเฟล กล่าว
“ทั้งโคโลราโดและเทรลเบลเซอร์ พิสูจน์ให้เห็นว่าเชฟโรเลต เดินมาถูกทางแล้วในการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด ด้วยความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ของเราและความร่วมมืออย่างยอดเยี่ยมระหว่าง ผู้แทนจำหน่ายและบริษัทฯ ที่ร่วมมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจให้แก่ลูกค้าที่ทวีจำนวนเพิ่มขึ้นใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ประธานกรรมการ จีเอ็ม และเชฟโรเลต ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติม

รางวัลอันทรงเกียรติของฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ประจำปี 2556 (2013 Frost & Sullivan Thailand Excellence Awards) จัดขึ้นเพื่อเป็นการยกย่องบริษัทที่มีความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจด้าน ต่างๆ ที่สามารถยกระดับให้เหนือมาตรฐานการแข่งขันและมีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ โดดเด่นในประเทศไทย

Chevrolet Colorado ซึ่งเปิดตัวออกสู่ตลาดได้หนึ่งปีครึ่ง สามารถเติบโตขึ้นเป็นรถกระบะอเมริกันอันดับหนึ่งในประเทศไทย ขณะเดียวกัน ยังเป็นรถเชฟโรเลต ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในไทยด้วยเช่นกัน ด้วยตัวเลข 37,310 คันในปี 2555 ยอดขายดังกล่าวเติบโตขึ้นมากกว่า 300 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2554 ส่วนแบ่งการตลาดของโคโลราโด ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 2.68 เปอร์เซ็นต์ในปี 2554 เป็น 6.28 เปอร์เซ็นต์ในปี 2555 โคโลราโด เป็นรถกระบะที่ไม่ใช่แบรนด์ญี่ปุ่นที่มียอดขายสูงสุดในตลาดปัจจุบัน

การคัดเลือกรถยอดเยี่ยมแห่งปีของฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ใช้พื้นฐานการวิเคราะห์เชิงปริมาณในด้านประสิทธิภาพการขายและส่วนแบ่งการ ตลาด นอกจากนี้ กระบวนการคัดเลือกยังครอบคลุมถึงการวิเคราะห์เชิงคุณภาพด้านกลยุทธ์การตลาด จุดขาย การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและความสำเร็จที่โดดเด่นอื่นๆ

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Chevrolet Thailand จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวChevrolet Spin

Chevrolet Thailand จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว Chevrolet Spin

บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนร่วมพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในงานแถลงข่าวเปิดตัวเชฟโรเลต สปิน รถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุด หลังจากเมื่อกว่าทศวรรษที่แล้ว เชฟโรเลต เคยประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ด้วยการเผยโฉมรถอเนกประสงค์เอ็มพีวีครั้งแรกในเมืองไทย

เชฟโรเลต สปิน คือยานยนต์ระดับโลกอีกหนึ่งรุ่นของเชฟโรเลต ได้รับการพัฒนาด้วยข้อมูลเชิงลึกและความเชี่ยวชาญของทีมวิศวกรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในด้านการออกแบบ ความอเนกประสงค์ ความสะดวกสบาย และสมรรถนะการขับขี่ถูกปรับแต่งเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานในภูมิภาคนี้

บริษัทฯ จึงขอเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนร่วมงานแถลงข่าวในครั้งนี้ โดยจะได้มีโอกาสทดสอบทักษะการโต้คลื่น พร้อมกับกิจกรรมการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นอื่นๆ อีกมากมายภายในงาน

มร. มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดจะเป็นประธานในงานแถลงข่าวครั้งนี้
รายละเอียดของงานแถลงข่าว มีดังนี้
วันที่ 12 มีนาคม 2556 (วันอังคาร)
สถานที่: The Flow House สุขุมวิท 26
เวลา: 15.30 – 18.00 น.

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Chevrolet ปลื้ม โคโลราโด ดันยอดขายพุ่ง

Chevrolet ปลื้ม โคโลราโด ดันยอดขายพุ่ง

บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด รายงานยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จำนวน 5,806 คัน เพิ่มขึ้น 11% ขณะที่ยอดขายสะสมสองเดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 11,845 คัน เติบโต 31% โดยเชฟโรเลต โคโลราโด มียอดขายสูงสุดอันดับหนึ่ง จำนวน 2,592 คันพร้อมขยายธุรกิจ เปิดโชว์รูมแห่งใหม่ในกัมพูชา

มร.กุสตาโว โคลอซซี รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัลมอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นอกจากผลิตภัณฑ์อันยอดเยี่ยมแล้ว ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายของเราที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องซึ่งต่างมุ่งมั่นทุ่มเทสร้างการเติบโต ขณะเดียวกัน คุณภาพด้านการขายและแคมเปญการดูแลลูกค้าของเรา ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขายอีกด้วย”

อย่างไรก็ตาม การเติบโตด้านยอดขายของเชฟโรเลต ยังครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยตัวเลขรวม 7,331 คัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ขยายตัวเพิ่มขึ้น?16% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ยอดขายสองเดือนแรกของทุกประเทศ ในภูมิภาคนี้ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน โดยอินโดนีเซีย มียอดขาย 920 คัน เติบโต 36% ฟิลิปปินส์มียอดขาย 752 คันเพิ่มขึ้น 31% และมาเลเซียมียอดขาย 265 คัน ขยายตัว 26% นอกเหนือจากการเติบโตด้านยอดขายแล้ว เชฟโรเลตเตรียมขยายตลาดใหม่ โดยจะเปิดศูนย์ผู้แทนจำหน่ายในประเทศกัมพูชาเร็วๆ นี้
สำหรับศูนย์ผู้แทนจำหน่ายในกรุงพนมเปญ มีพื้นที่โชว์รูม 950 ตารางเมตร และพื้นที่ศูนย์บริการ 1,050 ตารางเมตร ประกอบด้วย 10 ช่องซ่อม และลิฟท์ยก 7 ตัว ซึ่งชาวกัมพูชาจะได้สัมผัสยนตรกรรมล้ำสมัย อาทิ เชฟโรเลต แคปติวา โคโลราโด ครูซสปาร์ก และทาโฮเชฟโรเลต เป็นต้น

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สื่อมวลชนไทย ร่วมสัมผัสทุกไลฟ์สไตล์ใน CHEVROLET SPIN

สื่อมวลชนไทย ร่วมสัมผัสทุกไลฟ์สไตล์ใน CHEVROLET SPIN

  • ผู้สื่อข่าวได้ทดสอบสมรรถนะและความสะดวกสบายของเชฟโรเลต สปิน บนระยะทางกว่า 400 กม.
  • พร้อมร่วมทำกิจกรรมหลากหลายไลฟ์สไตล์อันแสดงถึงความกว้างขวางและการปรับเบาะได้ 23 รูปแบบของสปิน
  • ช่วงล่างแบบยูโรไรด์และระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดครั้งแรกในเซกเมนท์นี้ มอบการควบคุมที่น่าประทับใจบนเส้นทางอันคดเคี้ยวริมชายหาด
  • สปิน LTZ มีราคาจำหน่ายที่ 762,000 บาท พร้อมเปิดให้ลูกค้าได้จับจองแล้วที่ศูนย์ผู้แทนจำหน่ายเชฟโรเลต ทั่วประเทศ
กรุงเทพฯ 24 มิถุนายน 2556 – สื่อมวลชนไทยร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งความสะดวกสบาย กว้างขวาง อเนกประสงค์ การควบคุม และไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นของเชฟโรเลต สปิน รุ่นใหม่ล่าสุด บนเส้นทางกรุงเทพฯ – ระยอง ระยะทางรวมกว่า 400 กม.

สปิน เป็นรถซับคอมแพ็กต์ (บีเซกเมนท์ในประเทศไทย) อเนกประสงค์ เอ็มพีวีเจ็ดที่นั่งระดับโลกของเชฟโรเลต และถือเป็นการหวนกลับสู่เซกเมนท์นี้อีกครั้งหลังจากเชฟโรเลต เคยเป็นผู้บุกเบิกด้วยการเปิดตัวซาฟิร่าในประเทศไทยเมื่อกว่า 10 ปี ที่แล้ว สปิน ได้รับการออกแบบเพื่อมอบความกว้างขวาง สะดวกสบาย อเนกประสงค์ ประหยัด พร้อมการขับขี่และควบคุมที่เหนือชั้น รวมถึงดีไซน์ที่เฉียบคม ร่วมสมัยและบึกบึน

กิจกรรมการทดสอบขับในครั้งนี้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมผัสไลฟ์สไตล์ ที่คล้ายคลึงกับกลุ่มลูกค้าของสปิน โดยมีการขนอุปกรณ์กีฬาทางน้ำซึ่งจะถูกใช้ในกิจกรรมระหว่างเส้นทางการทดสอบใน ครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเก็บสัมภาระในห้องโดยสารของสปิน โดยเฉพาะเมื่อพับเบาะที่นั่งแถวที่สามลง ผู้สื่อข่าวยังได้มีโอกาสจับจ่ายซื้อของในตลาดชุมชนเพื่อให้ได้ใช้งานความ อเนกประสงค์ของสปิน ที่สามารถรองรับถุงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มากมาย
ตลอดเส้นทางไปสู่จุดหมายปลายทาง ยังเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้ทดสอบสมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบายของรถ ซับคอมแพ็กต์เอ็มพีวีรุ่นนี้อีกด้วย

ด้วยมิติตัวถังที่มีขนากกว้างและยาวที่สุดในรถระดับเดียวกัน รวมถึงเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดรุ่นแรกในเซกเมนท์และห้องโดยสารที่มีความอเนกประสงค์อย่างมาก สปิน ถือเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมของคนเมืองที่มีไลฟ์สไตล์ไม่หยุดนิ่ง ตอบสนองการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการเดินทางไปช็อปปิ้ง การรับส่งบุตรหลานไปโรงเรียน ไปจนถึงการขับบนถนนทางไกลทั่วประเทศ

มร. กุสตาโว โคลอซซี รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดและบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เชฟโรเลต สปิน ได้สร้างความสมบูรณ์แบบให้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรา โดยเติมเต็มช่องว่างระหว่างรถซีดาน รถอเนกประสงค์เอสยูวีและรถกระบะ สปิน เป็นรถเอ็มพีวีที่ให้ความสนุกทั้งการครอบครองและการขับขี่ สามารถเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์และรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็น อย่างดี”

เชฟโรเลต สปิน ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดโดยใช้แพลทฟอร์มของรถเชฟโรเลต ระดับโลก นำโดยทีมนักออกแบบของเจนเนอรัล มอเตอร์ส บราซิล รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นด้วยเส้นสายที่บึกบึนและโอ่อ่า ทำให้ตัวรถเปี่ยมด้วยความทันสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ี นักออกแบบเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดทั้งตัวถังภายนอก ห้องโดยสารภายใน เครื่องยนต์ สมรรถนะการขับขี่ การควบคุม ความสะดวกสบายและการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เชฟโรเลต สปิน ได้รับการผลิตเพื่อตอบสนองการใช้งานในทุกประเทศทั่วโลก

การออกแบบภายในของสปิน มอบกลิ่นอายความสปอร์ตผสมผสานความร่วมสมัย ติดตั้งเบาะแบบเจ็ดที่นั่ง มีพื้นที่ใช้สอยอันกว้างขวาง สะดวกสบาย ยืดหยุ่นสำหรับผู้โดยสารทุกคน

สปิน ใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระเต็มรูปแบบและด้านหลังแบบกึ่งอิสระ พัฒนาให้มีความเงียบและมอบการขับขี่ที่เหนือชั้นที่สุดในเซกเมนท์นี้ รองรับการใช้งานทั้งการขับขี่ในเมืองและเสถียรภาพอันมั่นคงในการขับขี่ด้วย ความเร็วสูงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในกลุ่มรถระดับนี้ ตัวรถถูกปรับแต่งมาให้ผู้ขับขี่ได้ควบคุมตัวรถด้วยความเชื่อมั่นโดยไม่สูญ เสียความนุ่มนวลของการโดยสารไปแม้แต่น้อย

เครื่องยนต์ของสปิน เป็นแบบ 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เพลาลูกเบี้ยวคู่เหนือฝาสูบ (DOHC – Double Overhead Camshafts) 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ต่อเนื่อง (DCVC – Double Continuous Variable Camphasing) และหัวฉีดเชื้อเพลิงมัลติพอยท์ ให้พละกำลังสูงสุด 107 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 148 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบ/นาที ครั้งแรกในเซกเมนท์ด้วยระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่ทำงานเข้ากับเครื่องยนต์เพื่อที่สุดแห่งสรรถนะและความประหยัดน้ำมัน

เชฟโรเลต เชื้อมั่นว่าสปิน จะเป็นรถที่น่าสนใจอย่างมาก เมื่อพิจารณาจากราคาจำหน่ายและอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน โดยมีราคาอยู่ที่ 762,000 บาท สปิน LTZ พร้อมแล้วที่จะให้ลูกค้าได้สัมผัสและจับจองที่ศูนย์ผู้แทนจำหน่ายเชฟโรเลต ทั่วประเทศ

Chevrolet Spin ขึ้นสายการผลิตที่ศูนย์การผลิตเบกาซีของจีเอ็ม อินโดนีเซีย โดยนอกจากการจำหน่ายในประเทศไทยและอินโดนีเซียแล้ว สปินยังถูกส่งออกไปทำตลาดในประเทศฟิลิปปินส์ด้วย

Chevrolet Spin เพียบพร้อมความโดดเด่นเหนือชั้นทุกด้าน ทั้งการออกแบบที่สะดุดตา ความยืดหยุ่น ความอเนกประสงค์ ความกว้างขวาง และความประหยัด ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่อาศัยในเมืองใหญ่และครอบครัวคนรุ่นใหม่ในประเทศไทยที่ กำลังมองหารถเจ็ดที่นั่งที่มีขนาดพอเหมาะต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ได้รับความไว้วางใจโดยบิซคาร์ เรนทัล

เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ได้รับความไว้วางใจโดยบิซคาร์ เรนทัล

คุณณฐพร จิรมหาโภคา ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จับมือแสดงความยินดีกับคุณพินิจ เจริญพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินกลุ่มไทยรุ่ง (ที่สองจากขวา) ในโอกาสที่ให้ความไว้วางใจเลือกเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ รถเอนกประสงค์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุดเพื่อเสริมศักยภาพฟลีตรถให้เช่าในกลุ่ม ธุรกิจ ทั้งนี้ บิซคาร์ เรนทรัล แบรนด์ ให้บริการเช่ารถยนต์ชั้นนำของบริษัท ไทย วี.พี. คอร์ปอเรชั่น จำกัด หนึ่งในกลุ่มไทยรุ่ง เตรียมนำเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ รุ่นใหม่นี้ให้เป็นรถเช่าสำหรับลูกค้ากลุ่มองค์กร

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

GM เริ่มการทดสอบ New Opel Antara และ Chevrolet Captiva SUV

GM เริ่มการทดสอบ New Opel Antara และ Chevrolet Captiva SUV

หลังจากเข้าสู่ตลาดมาเป็นเวลา 7 ปี  Opel / Vauxhall Antara SUV ขนาดกะทัดรัด 5 ที่นั่ง (ถูกขายภายใต้ชื่อ Saturn Vue Mk2 ก่อนที่ทาง GM จะปิดแบรนด์นี้ไปในปี 2010) ได้แสดงให้เห็นถึงอายุที่ยาวนานของมัน และถึงเวลาแล้วที่จะต้องถูกแทนที่ รวมถึง Chevrolet Captiva 7 ที่นั่ง และอีกสองเวอร์ชั่นของ Holden Australia ได้แก่ Captiva 5 (Antara) และ 7

สำหรับการพัฒนารุ่นลูกอย่าง Captiva และ Antara ได้เริ่มต้นขึ้นในยุโรป และไม่ต้องสงสัยเลยว่ายิ่งเร่งพัฒนาให้เร็วขึ้นไปอีก หลังจากที่ทาง GM ตัดสินใจลงทุนเงิน  €4 billion (US$5.25 billion) ในอีก 4 ปีข้างหน้า
ภาพลับชุดใหม่ทำให้เราเห็นลุคแรกของรถที่ถูกอำพราง ซึ่งถูกใช้เพื่อพัฒนาตัวถังสำหรับ SUV ทั้งสองรุ่น โดยซ่อนอยู่ภายใต้ตัวถังที่สั้นของ Chevrolet Orlando minivan ภาพส่วนล่างของรถเผยให้เห็นระบบ 4×4 ซึ่งจะไม่พบอยู่ในรุ่น Orlando

สำหรับในรุ่นนี้ ได้รับการตั้งชื่อในวงในว่า D2XX สำหรับตัวถัง Antara และ Captiva รุ่นถัดไปเป็นการพัฒนางานด้านการออกแบบ ซึ่งจะถูกใช้ในรุ่น all-new 2015 Chevrolet Cruze และโมเดลขนาดกะทัดรัดรุ่นอื่นๆ จากค่าย GM ในส่วนของเจนเนอเรชั่นใหม่ที่ปรับเปลี่ยนให้เล็กลงและเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซลที่จะพบในระบบขุมพลังของ SUV ทั้งสองรุ่นด้วย

ไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไร และไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับลุคของ Antara และ Captiva เพราะมันเป็นรถที่ถูกอำพราง แต่ทั้ง Opel และ Chevrolet ก็มีแนวโน้มที่จะจัดแสดงงานออกแบบของทั้งสองโมเดล พร้อมแนวคิดในอนาคตอันใกล้นี้

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Chevrolet เปิดตัวรถ “Captiva” พร้อมโชว์ในงานอย่าง Geneva Auto Salon

 Chevrolet เปิดตัวรถ “Captiva” พร้อมโชว์ในงานอย่าง Geneva Auto Salon

หลังจากตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาในตลาดโลกนั้นล่าสุดทางค่ายรถอย่าง Chevrolet นั้นถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการขายรถอย่าง Captiva และล่าสุดนั้นพวกเขาเตรียมจะเปิดตัวรถโฉมใหม่ในแบบ crossover สำหรับรุ่นใหม่ที่ออกมาในรอบสามปีล่าสุด

ล่าสุดนั้นเราได้เห็นเพียงด้านหลังของรถแบบ 2013 Captiva ในบริเวณส่วนของไฟท้าย LED ด้านหลังและท่อไอเสียแบบโครเมี่ยม, กันชนด้านหน้าที่ออกแบบใหม่ แต่ทาง Chevrolet นั้นเผยว่าจะทำรถแบบช่วงล่างในแบบ “a lower bumper” หรือกันชนแบบต่ำโดยที่ล้อแม็กซ์นั้นจะใช้ขนาด 18 นิ้วที่ออกแบบใหม่

สำหรับภายในนั้นรถแบบ Chevrolet จะใช้รถในแบบ 2013 model ที่มีที่นั่งในรถถึง 7 ที่นั่งด้วยกันพร้อมการออกแบบหน้าปัดความเร็วแบบใหม่และปรับปรุงการใช้มาตรฐานการ keyless รวมไปถึงระบบควบคุมภูมิอากาศโดยรอบที่นั่งทั้งหมด

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

GM เผยขอเลื่อนการผลิตรถ Chevrolet Cruzeโฉมปี 2014 (2015MY) ออกไปก่อน

GM เผยขอเลื่อนการผลิตรถ Chevrolet Cruzeโฉมปี 2014 (2015MY) ออกไปก่อน

 General Motors ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของโลกนั้นล่าสุดได้ออกมาประกาศเลื่อนการเปิดตัวรถแบบChevrolet Cruze ในโฉมปี 2014 หรือ 2015MY (model year) ออกไปก่อนจากรายงานของทางสำนักข่าวอย่าง Reuters โดยคาดการณ์ว่าจะเลื่อนออกไปถึง 1 ปีไปในช่วงเดือนธันวาคมปี 2015 เลยทีเดียว

จากรายงานนั้นเผยว่าทีมงานวางแผนและวิศวกรของทางบริษัท GM นั้นได้ตัดสินใจในขั้นสุดท้ายที่จะเลื่อนการผลิตออกไปเพราะปัญหาที่ไม่สามารถทำการเปิดเผยอย่างเป็นรูปธรรมได้

ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง GM ได้เปิดตัวรถ เชฟโรเลต ครูซ พลังงานดีเซลในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกและเปิดตัวนอกสหรัฐอเมริกาในโฉมแบบ five-door hatchback ตามออกมาภายหลังและหลังจากนั้นจึงเป็น estate version
จากรายงานของสายลับนั้นเผยว่าเจ้ารถ new Cruze sedan รุ่นใหม่นั้นจะมาพร้อมกับตัวบอดี้แบบใหม่ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกในแบบ compact models

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทีมวิศวกร GM เผยรถแบบ “ครูซ Diesel” กำลังแรงเทียบเจ้า Camaro Z28 ได้เลยทีเดียว

ทีมวิศวกร GM เผยรถแบบ “ครูซ Diesel” กำลังแรงเทียบเจ้า Camaro Z28 ได้เลยทีเดียว

รถแบบ 2014 Chevrolet Cruze ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดแบบ Clean Turbo Diesel รุ่นใหม่นั้นจะใช้เครื่องยนต์แบบ turbocharging ที่มีชื่อเรียกว่า overboost  ในการยกระดับแรงบิดให้ดีขึ้นด้วยขนาดความจุ 2.0 ลิตรขนาด 151 แรงม้าและแรงบิด  264 lb-ft (358 Nm) และหากใส่โหมด overboost เข้าไปจะทำให้เร่งได้ถึง  280 lb-ft (380 Nm)
ซึ่งอัตราที่กล่าวมานั้นเทียบได้กับรถแบบ 1972 Camaro Z28 ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดความจุ 5.7 ลิตรแบบ v8 เลยทีเดียวแต่เจ้า Cruze Diesel นั้นจะมีอัตราการกินเชื้อเพลิงเพียง 46 mpg (5.1 l/100 km) เท่านั้นและขับไปได้ไกลสุด 717 miles (1,154 km) โดยการเติมน้ำมันเต็มถังครั้งเดียว
“รถแบบ overboost ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นเมื่อคนขับเรียกร้องมัน โดยเมื่อคนขับเหยียบคันเร่งนั้นจะทำให้ระบบ  turbocharger นั้นไปเพิ่มแรงอัดอากาศและการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองความต้องการเมื่อต้องการแรงบิดที่มากกว่าปกติ” Mike Siegrist หัวหน้าวิศวกรของรถแบบ GM 2.0L diesel กล่าว
เจ้า  Cruze Diesel นั้นสามารถทำความเร่งจาก 0- 60 mph (96 mph) ได้ภายในระยะเวลา  8.6 วินาทีเท่านั้นซึ่งมากกว่า 0.5 วินาทีด้วยกันหากเทียบกับรถแบบ 2013 Volkswagen Jetta 2.0L TDI
นอกจากนี้ตามการคาดการณ์ของ  LMC Automotive นั้นเชื่อว่ารถแบบ turbo-charged ในภูมิภาค  North America จะมียอดสั่งซื้อเป็นสองเท่าในปี 2018 เพิ่มจากร้อยละ 14 ในปี 2013 ซึ่งมากกว่าเดิมถึง 29% โดยทั้งหมดมาจากการผลิตเชื้อเพลิงแบบไบโอดีเซลที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับเครื่องยนต์แบบ turbo gas engines ที่นำมาแทนเครื่องยนต์ v6 แบบเดิม

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

“CHEVROLET” แจงผู้ใช้รุ่น “CRUZE” เข้ารับตรวจฟรี หลังเกียร์มีปัญหา

CHEVROLET” แจงผู้ใช้รุ่น “CRUZE” เข้ารับตรวจฟรี หลังเกียร์มีปัญหา

หลังจากผู้ใช้รถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นครูซ กว่า 50 คน รวมตัวร้องเรียนกับสื่อ เพราะพบปัญหาการทำงานของระบบเกียร์ผิดปกติ แม้จะผ่านการแก้ไขจากศูนย์ซ่อมมาแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่ดีขึ้น จึงเรียกร้องให้ทางบริษัทออกมาชี้แจงข้อมูล และแสดงความรับผิดชอบนั้น วันนี้ (11 มิ.ย.) บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ออกมาชี้แจงว่า ให้ลูกค้านำรถยนต์ รุ่นครูซ ที่มีปัญหาจำนวน 70 คัน เข้ารับการตรวจบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หลังจากที่เจ้าของรถประมาณ 70 คัน ไปรวมตัวกันยื่นจดหมายเปิดผนึกร้องเรียนให้บริษัทรับผิดชอบ เพราะพบปัญหาระบบเกียร์อัตโนมัติผิดปกติ และเบรกมือใช้การไม่ได้ส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่

สำหรับความผิดปกติของรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นครูซ ที่มีการร้องเรียน เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ใช้รถรุ่นนี้กว่า 800 คัน ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการรวมกลุ่มกันผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยพบว่าเจ้าของรถหลายรายมีปัญหาการใช้งานเกี่ยวกับระบบเกียร์ที่คล้ายกัน

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สื่อมวลชนไทยร่วมพิสูจน์สมรรถนะ Chevrolet Cruze โฉมใหม่

สื่อมวลชนไทยร่วมพิสูจน์สมรรถนะ Chevrolet Cruze โฉมใหม่

  • ครูซ โฉมใหม่ ผสมผสานสมรรถนะการขับขี่อันคล่องตัวและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ในรูปลักษณ์ที่ล้ำสมัย
  • เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร รองรับเชื้อเพลิง E85 มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้สามารถเป็นเจ้าของรถพลังงานทางเลือกได้ ง่ายขึ้น เป็นส่วนหนึ่งในแผนของเชฟโรเลต ในการยกระดับการใช้พลังงานหมุนเวียนอันยั่งยืน
  • ครูซ ดีเซล 2.0 ลิตร ยังคงเปี่ยมด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ตอบโจทย์คนที่มองหาเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมพร้อมพละกำลังที่เหนือกว่า
กรุงเทพฯ 30 เมษายน 2556 – เชฟโรเลต ประเทศไทย จัดกิจกรรมการทดสอบขับเชฟโรเลต ครูซ โฉมใหม่ เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร E85 และ 2.0 ลิตร ดีเซล โดยเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับความสดใหม่และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ของรถคอมแพ็กต์ซีดานรุ่นนี้ บนเส้นทางสู่เขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี สื่อมวลชนยังได้ทดสอบพละกำลังและสมรรถนะอันโดดเด่น พิสูจน์ความยอดเยี่ยมของครูซ ซึ่งเป็นรถที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของเชฟโรเลต ทั่วโลก
เชฟโรเลต ครูซ เป็นรถที่คุณต้องการครอบครอง เพียบพร้อมด้วยการขับขี่และการควบคุมที่ดีเยี่ยม เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่นำสมัยและสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นรุ่น E85 หรือดีเซล” มร. กุสตาโว โคลอซซี รองประธานฝ่ายการขาย การตลาด และบริการหลังการขาย ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดและบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
“เชฟโรเลต เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนแถวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกและลดมล ภาวะ ทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก ครูซ E85 เป็นรถรุ่นที่สองของประเทศไทย ต่อจากแคปติวา ที่รองรับเชื้อเพลิง E85 เรากำลังวางแผนเพิ่มรถพลังงานทางเลือกอีกในอนาคตอันใกล้” มร.โคลอซซี กล่าว

รองประธาน จีเอ็ม และเชฟโรเลต ประเทศไทย เผยว่า การนำเสนอรถที่รองรับเชื้อเพลิง E85 ไม่ใช่เป็นเพียงการเดินตามกระแสการปกป้องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ถือเป็นหนึ่งในแผนการใหญ่ของเชฟโรเลต ในการนำเสนอรถที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์รับผิดชอบต่อสังคมหรือซีเอสอาร์ (CSR) ในระดับภูมิภาคและระดับโลกของเชฟโรเลต

นอก เหนือจากกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว เชฟโรเลต ยังมีโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นเพื่อนำเสนอรถที่ รองรับเชื้อเพลิง E85 เพิ่มเติมอีกหลากหลายรุ่น เพื่อให้ลูกค้าเชฟโรเลต มีทางเลือกมากขึ้นในหลายระดับราคา

“กลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้นจะสามารถสัมผัสกับคุณประโยชน์ของรถ E85 คือค่าใช้จ่ายที่ลดลงและการปกป้องสิ่งแวดล้อม เมื่อครอบครองรถที่มีความโดดเด่นอย่างเชฟโรเลต ครูซ”

มร.โคลอซซี กล่าว
ครู ซ โฉมใหม่เปิดตัวครั้งแรกที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2013 มาพร้อมดีไซน์ที่ดึงดูดสายตามากกว่าเดิม พร้อมการยกระดับสุนทรียภาพและสมรรถนะ รวมถึงการรองรับเชื้อเพลิงแบบเฟล็กซ์-ฟิว

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เชฟโรเลต ครูซ ดีเซล ให้ประหยัด 19 ก.ม./ลิตร

เชฟโรเลต ครูซ ดีเซล ให้ประหยัด  19 ก.ม./ลิตร

                อาจจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยพอสมควรแล้วสำหรับรถยนต์อเมริกา  Chevrolet Cruze  ใหม่  ที่มีการแนะนำเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาด้วย แต่ใครจะคิดว่าพวกวิศวกรที่ค่ายรถยนต์โบว์ไทน์ จะมีแนวคิดใหม่ๆ และเตรียมจะให้การเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ดีเซลนี้ในปีหน้า

                นี่เป็นเรื่องที่ได้รับความน่าสนใจในตลาดรถยนต์อเมริกา หลังจากที่ Chevrolet Cruze  ดีเซล เพิ่งจะมีการส่งลงตลาดไปอย่างเป็นทางการกับขุมพลังดีเซลขนาด 2.0 ลิตร  ให้กำลังสูงสุด  148  แรงม้า ซึ่งเชฟวี่คาดว่าจะได้รับความสนใจไม่น้อย ในขณะที่ตลาดรถยนต์คอมแพ็คคาร์ยังไม่มีเครื่องยนต์ดีเซล ออกมาเปิดตลาดมากมายนัก แต่แผนใหม่นี้จะทำให้รถยนต์คอมแพ็คคาร์ Chevrolet Cruze  ใหม่ได้รับความสนใจ จากตลาดไม่น้อย

                ตัวเลข  46  ไมล์/แกลลอน หรือ 19 กิโลเมตร/ ลิตร โดยประมาณ ถือเป็นความท้าทายใหม่ที่ทางค่ายโบว์ไทน์กะจะพัฒนา  Chevrolt Cruze  ให้ยืนได้อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยการเพิ่มศักยภาพทางด้านความประหยัดเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตรให้มีกำลังมากขึ้น เช่นเดียวกัน มันยังประหยัดมากขึ้น รวมถึงจะยังลดการปล่อยก๊าซไอเสียลงไปด้วยพร้อมกัน  

                โฆษกของ  General motor  ที่อเมริกา เปิดเผยว่า ความพยายามครั้งใหม่นี้เป็นการพิชิตเป้าหมายสำคัญ โดยเฉพาะคู่แข่งซึ่งวางจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล และนั่นจะทำให้  Chevrolet Cruze  เป็นรถยนต์ที่มีความประหยัดสูงสุดในกลุ่มดีเซล โดยขณะนี้ทีมวิศวกรได้เริ่มงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และน่าจะพร้อมสำหรับโฉม 2014

                แม้จะยังไม่มีรายละเอียดอะไรมากมายนัก เกี่ยวกับโครงการ  Chevrolet Cruze Diesel   ใหม่ แต่มันก็มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อรถรุ่นนี้เพิ่งลงตลาดอเมริกา ในขณะที่บ้านเรามีการพัฒนาเครื่องยนต์นี้ไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้มีกำลังมากขึ้น และนั่นหมายความว่า อาจจะมีความเป็นไปได้มากว่า ที่มันจะเข้ามาอัพเดทเครื่องยนต์ในไทยให้ประหยัดมากขึ้นจนจับใจคอประหยัด








วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผู้ใช้ เชฟโรเลต ครูซ กว่า 50 คัน "เกียร์หลุด-รถพุ่งเอง" รวมตัวประท้วง

ผู้ใช้ เชฟโรเลต ครูซ กว่า 50 คัน  "เกียร์หลุด-รถพุ่งเอง" รวมตัวประท้วง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าของรถยนต์ ยี่ห้อ Chevrolet Cruze กว่า 50 คัน รวมตัวกันที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกร้องเรียนให้บริษัทรับผิดชอบ หลังจากที่ผู้ใช้รถรุ่นนี้กว่า 800 คน พบปัญหาเดียวกันที่การใช้งานของระบบเกียร์ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการรวมกลุ่มกันผ่านสื่อสังคม

ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้คนหนึ่ง เปิดเผยว่า รถเกือบทั้งหมดประสบปัญหา มีอาการกระตุกอย่างรุนแรงขณะเปลี่ยนเกียร์ ทำให้รถพุ่งเคลื่อนที่เองขณะเข้าเกียร์จอด บางคันเร่งความเร็วไม่ขึ้น แต่รอบเครื่องขึ้นสูง โดยเฉพาะขณะเครื่องร้อน ซึ่งผู้ใช้งานบางรายเคยประสบปัญหาขณะอยู่บนทางด่วน บนเขา หรือรถติดกลางสี่แยกมาแล้ว จึงกลัวว่าจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ 

เบื้องต้น กลุ่มตัวแทนจึงต้องการเรียกร้องให้บริษัทแสดงความรับผิดชอบและชี้แจงถึงสาเหตุปัญหาที่แท้จริงของรถรุ่นนี้ พร้อมเสนอให้บริษัทยืดอายุประกันออกไป เนื่องจากมีรถหลายคันที่ยังต้องเข้าซ่อมต่อเนื่อง และสำหรับบางคันที่มีการเปลี่ยนเกียร์แล้วหลายครั้ง แต่ยังเกิดความผิดปกติ และบริษัทยังแจ้งว่าไม่สามารถหาสาเหตุได้ เจ้าของรถต้องการให้บริษัทซื้อรถกลับคืน เพราะไม่มีความมั่นใจในการใช้งานอีกต่อไป 

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

HONDA CRV 2012 VS. Chevrolet Captiva คันไหนน่าใช้กว่าต้องดู

HONDA CRV 2012 VS. Chevrolet Captiva คันไหนน่าใช้กว่าต้องดู

                ตั้งแต่เริ่มต้นปีที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์  Honda  ถือเป็นค่ายรถยนต์ที่มีการออกตัวแรงมากตั้งแต่เริ่มและเปิดตัวรถยนต์มากมาย รวมถึงรถอเนกประสงค์ยอดนิยม Honda CR-V 2012  ใหม่ที่เข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และเริ่มลงตลาดไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้

                การเข้ามาทวงบัลลังค์ของค่ายรถยนต์รายนี้อีกครั้งเป็นไปตามความคาดหมาย หลังจากที่เริ่มวางจำหน่ายเมื่อปีที่แล้วในสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ โดยในปีนี้การมาลงตลาดไทยก็ทำให้มันเป็นคู่ท้าชิงของค่ายรถยนต์อเมริกัน  Chevrolet ที่ส่งรุ่น  Captiva  ปรับเรือนร่างรูปโฉม ให้ดูดี ตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา และถือเป็นรถรุ่นที่มีความแข็งแกร่งในตลาดเหมือนกัน

หนึ่งหรู ..หนึ่งเพิ่มความสปอร์ต

                ตั้งแต่อดีตมารถยนต์ในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีแพลทฟอร์มแบบรถนั่ง ล้วนแต่ดูมองออกไปในแนวทางการออกแบบที่เน้นในความหรูหราดูดีมีระดับ อาจจะด้วยข้อหนึ่งที่ว่าราคาของรถยนต์เหล่านี้เริ่มตั้งแต่ 1.5 ล้าน เป็นต้นไป และมันมีความสามารถเทียบเท่ารถยนต์เก๋งขนาดกลาง



                การให้ความหรูหรา นับว่าเป็นโจทย์ที่ยึดต่อเนื่องกันมา และในการแนะนำรถยนต์  Chevroelt Captiva  ใหม่ที่เปิดตัวในปีที่แล้วก็เป็นการต่อยอดในจุดนี้ แต่การปรับใบหน้าที่ทำให้เส้นสายใหม่ทางด้านหน้าเปลี่ยนไป เน้นสร้างความดุดันในการออกแบบเร่มมีเสน่ห์เป็นอเมริกันมากยิ่งขึ้น ก็ทำให้รถมีรายละเอียดที่ลงตัว แต่ในขณะที่ด้านหน้า เป็นจุดที่มีการปรับเปลี่ยนมากที่สุด แต่ด้านหลังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไรจากเดิมเลยก็ว่าได้

                ในฝั่งผู้ท้าชิงใหม่  Honda CR-V  2012 ดูท่าจะมีภาษีกว่าเล็กน้อยด้วยการออกแบบที่เรียกว่าปรับเปลี่ยนใหม่หมด ด้วยอานิสงค์จากการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ทั้งคันไม่ใช่การปรับโฉมเล็ก ทำให้รถรุ่นใหม่นี้มีความสดในการออกแบบมากกว่าที่คิด ตั้งแต่ด้านหน้าที่ถอดความหรูปรับเป็นความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นไปจนถึงบั้นท้ายที่ไปในทิศทางเดียวกัน และการใส่ล้ออัลลอยที่เริ่มตั้งแต่ขอบ 17 นิ้วขึ้นไป ก็ทำให้ Honda CR-V  ใหม่นั้น มีการเปลี่ยนแปลงที่ฉีกกฏรถอเนกประสงค์เดิม โดยเฉพาะในเรื่องของการออกแบบที่หันไปในทางความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม



หรูเจอ สปอร์ต แบบไหนที่ชอบมากกว่า

                มาในห้องโดยสาร  CR-V  เริ่มต้นด้วยการถ่ายทอดตัวตนในความสปอร์ตที่ครั้งนี้ในรุ่นที่ 4 ของตระกูล กลับมาในความหรูหราด้วยการให้รายละเอียดการตบแต่งในโทนสีดำ มาพร้อมกับลายไม้โทนดำและสามารถเปลี่ยนเป็นสีเบจได้ขึ้นอยู่กับสีรถ เน้นให้ความรู้สึกที่ดูแล้วมีความสปอร์ตแตกต่างมากกว่าเดิมในเรื่องการโดยสาร



                การปรับพื้นที่นั่งลดต่ำลงอีกนิดหน่อย ทำให้มีการปรับที่นั่งไปพอสมควรเช่นกัน แต่ด้วยโทนห้องโดยสารมีเทาดำนี้ ก็ช่วยให้มันดูแลรักษาง่าย และยังมาพร้อมกับฟังชั่นต่างๆที่เหมาะต่อการใช้งาน เริ่มตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังชั่นไฟเรืองแสง ที่ให้ความสบายกับระบบปรับอากาศอัตโนมัติสามารถแยก ซ้าย-ขวาได้ตามต้องการ ทั้งยังมากับหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่อัจฉริยะ แต่ทีเด็ดของ  Honda CR-V ใหม่ที่สำคัญ คือฟังชั่นการพับเบาะแบบครั้งเดียว หรือ One motion ที่สามารถแยกพับได้ 60/40 เหมือนเคย

                ฝั่งเชฟวี่ เรื่องความหรูหราก็ยังจัดเต็มมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ CR-V  อาจจะเปี่ยมด้วยความสปอร์ตของตัวรถ โดยเฉพาะภายในห้องโดยสาร แต่ใน Captiva  เอง ก็มุ่งเน้นในการอำนวยฟังชั่นความสะดวกสบายสูงสุด เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่เบนเข็มไปยังระดับพรีเมี่ยมมากกว่า

                หากเทียบจากเดิมแล้วการปรับแต่งฟังชั่นต่างๆมากมาย ทำให้ Captiva  มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร  เช่นเดียวกันการปรับการตบแต่งไปในโทนหรูแอบสปอร์ต ก็ให้เสน่ห์ที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยฟังชั่นที่่เพิ่มอารมณ์การทำงานนี้เอง ที่ทำให้รถยนต์เหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายรายการที่สำคัญ เช่น ระบบ HVAC  ที่ให้อำนาจในการควบคุมที่พวงมาลัยในระบบปรับอากาศ รวมถึงแผงควบคุมอัจฉริยะในการขับขี่ ที่คอนโซลกล่าง เบรคมือแบบไฟฟ้าที่ช่วยในเรื่องของการตอบสนอง และที่เด่นกว่า คือเบาะนั่งที่รองรับได้สุงสุด 7 ที่นั่ง ในแบบ 5+2  ทั้งยังสามารถปรับพับได้ในฝั่งคนขับ และเครื่องเสียงคุณภาพ ด้วยการให้ระบบ 3D Sound Staging  ถือเป็นความล้ำที่ยังไม่มีใครให้มา



ขุมพลังใกล้เคียง เน้นความสามารถ E85

                เมื่อมองทางด้านความสามารถในการขับขี่โดยเฉพาะเครื่องยนต์นั้น เพื่อให้เท่าเทียมกันเราจึงต้องตัดรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลของ  Chevrolet Captiva  ออกไปเพื่อให้ความเสมอภาคในการเปรียบเทียบ แต่นั่นก็หมายความว่า มันมีทางเลือกมากกว่าหากคุณต้องการ

                ตั้งแต่เปิดตัวมา Chevrolet Captiva  สร้างจุดขายที่โดดเด่นในตลาดรถยนต์ด้วยการเป็นรถรุ่นแรกในตลาดอเนกประสงค์ที่สามารถใช้น้ำมันแบบ  E85  ได้ ซึ่งถือว่าเป็นพลังงานทางเลือกที่สำคัญอย่างมาก และช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้พอสมควร



                การให้สมรรถนะที่แตกต่างนี้เอง จึงเป็นจุดขายที่สำคัญตั้งแต่แรกๆ ด้วยสมรรถนะจากเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร เบนซิน ซึ่งการปรับแต่งให้เหมาะสมต่อน้ำมัน E85 นี้ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนแบบยกเครื่องใหม่ทั้งเซทในเรื่องระบบสั่งจ่ายน้ำมัน แต่มันก็ยังมีพละกำลังที่น่าสนใจจากตัวเลข 168 แรงม้า ที่ 5600 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 229 นิวตันเมตร ที่ 4600 รอบต่อนาที และยังมาพร้อมกับ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และ  Driver Shift Control  ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการ

                ด้าน CR-V  ใหม่ ก็มาพร้อม 2 ทางเลือกสำหรับลูกค้า ด้วยการให้ความสามารถในพลังงานทางเลือกเหมือนกัน และประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มี Honda CR-V ที่รองรับน้ำมันพลังงานทางเลือก E85 วางจำหน่าย โดยในการแนะนำครั้งนี้ยังกลับมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 และ 2.4 ลิตร ให้เลือกตามลำดับ

                ในรุ่นเริ่มต้นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร  Honda  ปรับสมรรถนะเครื่องยนต์ด้วยพละกำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6500 รอบต่อนาที และ แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 190 นิวตันเมตรที่ 4800 รอบต่อนาที แต่ในขณะที่มันจะดูมีกำลังน้อยไปใน เวอร์ชั่นเครื่องยนต์ 2.4 ที่เท่ากันกับCaptiva  ก็มีกำลังสูงสุดถึง 170 แรงม้า ที่ 6500 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด  220 นิวตันเมตร ที่ 4300 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมระบบควบคุม  Grade logic  ให้ความลงตัวในแง่ของความชาญฉลาดในการใช้งาน



                ถ้ามองเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 จะพบว่า พละกำลังเครื่องยนต์ตลอดจนแรงบิดของรถ Captiva  และ CR-V  ใหม่ นั้น มีความแตกต่างกันน้อยมาก โดยสิ่งที่แตกต่างและดูจะโดดเด่นคือเรื่องของระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ ที่มีความแตกต่างในเรื่องจำนวนอัตราทด ระหว่าง 5 และ 6 สปีด แต่เมื่อมองถึงอัตราทดเกียร์ต่ำสุดของรถ กลับพบว่า  CR-V กลับมีอัตราทดที่ต่ำกว่าที่ 0.566 ในรุ่นท๊อปที่มีพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ แต่ Captiva  กลับมีอัตราทดเพียง 0.746 เท่านั้น

ประหยัดพอกัน..ที่เหลืออยู่ที่ชอบ

                ความแตกต่างทางด้านวิศวกรรมที่น้อยนำมาสู่บทสุดท้าย นั่นคือเรื่องของการขับขี่ แต่ด้วยความเข้าใจของหลายคนว่าจำนวนเกียร์ที่เยอะย่อมจะประหยัดกว่านั้น ก็ยังมีข้อเท็จจริงอยู่บ้างและ หลังจากได้ทดลองทั้งคู่เราก็ได้มาลองเปรียบเทียบกันดู

                ตั้งแต่ที่ได้ไปลอง Captiva  มา ความประทับใจของรถรุ่นนี้ถือว่าทำได้อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยฟีลลิ่งการขับขี่สไตล์รถอเมริกันแท้ที่เน้นความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ทำให้รถขับง่ายๆ แม้จะเป็นคันใหญ่ก็ตาม จนน่าจะเรียกได้ว่า มันเป็นรถที่ครบเครื่องอย่างแท้จริง



                เคล็ดลับของเชฟวี่ในการปรับให้รถมีสมดุลมากขึ้นนั้น อยู่ที่ฟังชั่นการขับขี่ที่เพียบพร้อมครบครันมาตั้งแต่แรก โดยเฉพาะระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆที่มากมาย ยาวเป็นหางว่าวตั้งแต่ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค เอบีเอส ,ระบบกระจายแรงเบรก ,ระบบช่วยเบรค,ระบบป้องกันการลื่นไถล , ระบบช่วยออกตัวในทางชัน และ ระบบควบคุมการทรงตัว ซึ่งทั้งหมดถูกปรับให้เข้ากับรถ และช่วยเหลือมากในการใช้งาน จนเรียกว่าเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับค่ายรถยนต์เจ้านี้ให้แตกต่าง

                แม้จะมีระบบต่างเขามาช่วยเหลือมากมาย แต่ โดยรวมเรื่องระบบกันสะเทือนของระบบกันสะเทือน Chevrolet Captiva เน้นการให้ความหนักแน่นในการขับขี่ และมั่นใจมากขึ้น ไม่ว่ามีผู้โดยสารมากหรือน้อย โดยเฉพาะระบบ Self Levelizer ก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้รถมีสมดุลที่ดีในการขับขี่ และฟังชั่น Driver Shift Control ก็ช่วยให้มั่นใจยามเปลี่ยนเกียร์



                 ทางด้าน CR-V  ใหม่ ก็มีระบบช่วยเหลือการขับขี่มากมายไม่แพ้คู่แข่ง แต่ในขณะที่  Honda  เอง ปรับให้รถเน้นไปในทางความประหยัดมากขึ้น ก็เสริมฟังชั่น Econ ทำให้สามารถขับขี่ได้อย่างประหยัดมากยิ่งขึ้น โดยในรุ่น 2.0 เคลมอัตราประหยัดที่ 12.2 ก.ม./ลิตร และรุ่น 2.4 เคลมอัตราประหยัดที่ 11 ก.ม./ลิตร

                การเน้นย้ำในความแตกต่างของ CR-V  ใหม่นี้ ดูจะเป็นการพุ่งเป้าไปที่การปรับแต่งระบบช่วงล่างให้สามารถตอบสนองได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการพัฒนาช่วงล่างมากขึ้นกว่าเดิม 10 %  ตามคอนเซปต์ Super CR-V ที่เน้นย้ำในการให้ประสิทธิภาพและสมรรถนะการขับขี่ที่เยี่ยมยอดมากขึ้น

                จากที่ได้ขับขี่มาทั้ง 2 รุ่น Captiva  จะเน้นการให้ความนิ่มนวลในการขับขี่มากกว่า ในขณะที่ CR-V  จะเน้นความแน่น และแม่นยำในการขับขี่มากกว่าด้วย ออพชั่นที่เน้นไปในการเรื่องของการปรับแต่งให้มีความสามารถที่ลงตัวในขณะที่ การตอบสนองของเครื่องยนต์ Captiva  ก็ค่อนข้างดีกว่า เนื่องจากมี 6 เกียร์ ทำให้มีอัตราทดชิดกันระหว่างเกียร์มากกว่า ในขณะที่ CR-V  มีอัตราทดเกียร์น้อยกว่าทำให้มีการกระโดดเกียร์มากกว่า และในบ้างครั้งที่คิกดาวน์ จากที่ได้ทดลองขับมามันมีความแตกต่างกัน พอสมควร

                แม้ทั้งรถอเนกประสงค์ทั้ง 2 รุ่นนี้อาจจะมีความเหมือนกันในแง่คอนเซปต์ที่วางเอาไว้เพื่อดึงดูดลูกค้าที่แตกต่างกัน แต่ด้วยความแตกต่างที่ไม่เหมือนกันก็ส่งให้รถอเนกประสงค์นั้นมีดีกรีที่ต่างและทั้งหมดนั้นก็อยู่ที่คุรเลือกว่า รุ่นไหน จะเหมาะกับความเป็นคุณมากกว่า

เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง


วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มาดูกันวา เชฟโรเลต แคปติวา น่าใช้มั้ย ?

มาดูกันวา เชฟโรเลต แคปติวา น่าใช้มั้ย ?

ผมว่าใช้ดีนะครับ
ไม่มีปัญหาอะไรกับเครื่องยนต์
มี claim โช้คคู่หน้าไป 1 ชุด
ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร
ถ้าเป็นยี่ห้ออื่น ต้องเสียค่าแรงเปลี่ยน ต่างหากอีกนะครับ 
ของผมเป็นดีเซล
ไม่กินน้ำมันมาก อัตราเร่งดีเลย
ขอชมว่า ดี คุ้มค่า สมราคา


ผมใช้อยู่คันหนึ่งนะครับ เป็น Diesel LTZ ใช้มาได้ประมาณ20,000km ในความรู้สึกถือว่าดีคุ้มค่านะครับ ประทับใจช่วงล่างดีมาก เกาะถนน เวลาเลี้ยวโค้งมั่นใจดีครับ อุปกรณ์ที่ให้มาโอเคเลย ยังไม่เจอปัญหาจุกจิกนะครับ

ข้อเสียจากประสพการณ์นะครับ วงเลี้ยวกว้างไปสักนิด, ,ถ้าขับขี่เร็วมากอาจจะมีเสียงลมเข้าประตูด้านหน้า, อัตราการบริโภคน้ำมัน

ปล.แต่ถ้าเทียบกับ Honda CRV ผมเลือก Cap ครับ เพราะขาย CRV ทิ้งไปก่อนหน้านี้ ช่วงล่างค่อนร่อน เวลาถนนเปียกขับแล้วไม่มั่นใจเลย 



ของผมใช้มาเข้าปีที่ 4 แล้วไม่มีปัญหาอะไรนะครับ เป็นเครื่อง diesel ตัวเก่า LS ขับสอง อัตรากินน้ำมันก็10.5 km/L ขึ้นไปถึงแม้จะรถติดก็ตาม ถ้าตจว. 11 ขึ้นครับ นี่ผมมองหารถอีกคัน ถ้าไม่ติดว่าขับอยู่แล้วผมออกมาคู่เลยละ ลองพิจารณาดูครับ 



วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ล้ำเกินใคร เชฟโรเลต รถอเนกประสงค์ยอดนิยม

ล้ำเกินใคร เชฟโรเลต รถอเนกประสงค์ยอดนิยม

แม้จะไม่ใช่รถยนต์ใหม่ถอดด้าม หรือรถที่มียอดขายร้อนแรง แต่สำหรับเชฟโรเลต แคปติวา รถอเนกประสงค์ เชื้อสายอเมริกันรุ่นนี้ ปัจจุบันยังคงมีคนถามถึงไม่ขาดสาย แสดงให้เห็นว่าเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จึงอดไม่ได้ที่จะต้อง ?จัดให้? นำมาบอกเล่าถึงจุดเด่นที่หลายคนอยากรู้ว่ามีทีเด็ดแค่ไหน ยอดขายถึงได้ดีวันดีคืน

สาเหตุก็คงเป็นเพราะแคปติวาตอบโจทย์ความเป็นรถอเนกประสงค์ ด้วยจุดเด่นในเรื่องความสะดวกสบายในการใช้งาน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกค่อนข้างครบ รูปร่างหน้าตาดูหรูหรา 

โดยเฉพาะรูปร่างหน้าตาดูคมเข้ม กระจังหน้าสองชั้น ?ดูอัลพอร์ท? ขนาดใหญ่ พร้อมกรอบโครเมียมหรู สะท้อนเอกลักษณ์ของเชฟโรเลต คาดกลางด้วยโลโก้โบไทสีทองขนาดใหญ่ขึ้น ใช้วัสดุพิเศษเพิ่มมิติบนพื้นผิวโลโก้ กรอบไฟหน้าดีไซน์ใหม่ เน้นความดุดันอยู่คู่กับไฟโปรเจ็กเตอร์ ทำให้ดูสะดุดตากว่ารถเชฟโรเลตรุ่นอื่นๆ 

ฝากระโปรงและกันชนหน้าออกแบบใหม่ ให้ดูมีเส้นสายลื่นไหล มีช่องรับอากาศและไฟตัดหมอกรูปทรงใหม่ ฝังตัวอยู่บริเวณด้านข้างของกันชนหน้า เติมความบึกบึนด้วยแผ่นกันกระแทกสีบรอนซ์ใต้กันชนหน้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในแคปติวาใหม่ทุกรุ่น

ขณะที่ด้านท้ายรถติดตั้งสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่สาม ส่วนบริเวณกันชนได้รับการติดตั้งแผ่นกันกระแทก รับกับปลายท่อไอเสียคู่โครเมียมแบบสปอร์ต

แม้ว่าจะเป็นรถอเนกประสงค์รูปร่างค่อนข้างใหญ่ แต่แคปติวาถูกออกแบบให้มีภาพลักษณ์โฉบเฉี่ยว หลังคาออกแบบให้โค้งมน จึงมีกลิ่นอายสปอร์ตแบบคูเป้ แถมยังเพิ่มรายละเอียดความหรูหราอย่างวัสดุโครเมียมบริเวณกระจกบังลมข้าง ก้านเปิดประตูสีเงิน กระจกข้างพร้อมไฟเลี้ยว และรางอเนกประสงค์บนหลังคา เรียกได้ว่าไม่ต้องไปแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย

Chevrolet Captiva ได้รับการปรับโฉมครั้งสำคัญ เมื่อปี 2554 คือการติดตั้งเครื่องยนต์ E85 ถือเป็นรถเอสยูวีแบบเฟล็กซ์ฟิวรองรับเชื้อเพลิงได้หลากหลายรูปแบบรุ่นแรกในระดับนี้ที่มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 

เครื่องยนต์เบนซินรองรับเชื้อเพลิง E85 เป็นบล็อก 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร DOHC และระบบวาล์วแปรผันต่อเนื่อง กำลังสูงสุด 168 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิด 229 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อม DSC นอกจากนี้ ยังมีโหมดขับขี่แบบ ECO ช่วยลดอัตราการบริโภคน้ำมันลงได้

เครื่องยนต์เบนซิน E85 ของแคปติวา มีศักยภาพรองรับเชื้อเพลิงได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ E0 (น้ำมันเบนซินล้วน) ไปจนถึง E10 E20 และสูงสุดคือ E85 ราคาน้ำมันถูกกว่าชาวบ้าน

นอกจากนี้ แคปติวายังมีขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,750 รอบ/นาที ให้เลือกใช้อีกด้วย

การออกแบบภายในถือว่าไม่เป็นรองใคร เน้นความลื่นไหลของคอนโซลไปถึงแผงประตูข้างของห้องโดยสารตอนหน้า พร้อมกับใช้วัสดุสีโทนสว่างอย่างเมทัลลิก เพิ่มมิติความหรูหรา ทำให้ห้องโดยสารดูโล่งโปร่ง เบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า แผงคอนโซลหน้ามีหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ดูหนังฟังเพลง ตลอดจนบอกข้อมูลการขับขี่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น LTZ ด้านล่างของจอติดตั้งสวิตช์ต่างๆ และนาฬิกาบอกเวลาทรงกลม

ร่องเกียร์ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น เน้นความบึกบึน พวงมาลัย 4 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่น ผู้ขับสามารถควบคุมระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียงและระบบปรับอากาศ นับเป็นครั้งแรกของรถระดับนี้

เช่นเดียวกับการติดตั้งเบรกมือไฟฟ้าครั้งแรกในรถอเนกประสงค์ ใช้งานง่ายกว่าเบรกมือแบบเดิม แถมยังเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระบริเวณคอนโซลกลางอีกด้วย

ในยามค่ำคืน แผงคอนโซลให้แสงสีฟ้าอ่อน (ไอซ์ บลู) เช่นเดียวกับมาตรวัดรอบและความเร็วดีไซน์ใหม่แบบเรืองแสง ทำให้ดูหรูหราทันสมัยเพิ่มยิ่งขึ้น

ระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัทที่ด้านหน้า ใช้ระบบช่วงล่างอิสระมัลติลิงค์ยึด 4 จุดที่ด้านหลัง พัฒนาโดยใช้เหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ขึ้น ปรับตั้งโช้กอัพและสปริงใหม่ ติดตั้งลิงค์ไฮโดรลิกที่ช่วงล่างด้านหลัง

เพื่อลดแรงสั่นสะเทือน การออกแบบเช่นนี้สามารถสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวล แม้ในยามเผลอขับตกหลุมลึกเอาเรื่องในขณะใช้ความเร็ว 80-90 กม.ต่อ ชม. ถ้า

เป็นรถรุ่นอื่น คงออกอาการบางอย่างให้เห็น แต่สำหรับแคปติวาถือว่า ?ผ่าน?

ระบบความปลอดภัยมีทั้ง ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน (Hill Start Assist) ช่วยป้องกันรถไหลจากการเบรกชั่วขณะในระหว่างขับขึ้นทางชัน 1-2 วินาที เพื่อให้ผู้ขับสามารถเปลี่ยนเท้าจากเบรกไปยังแป้นคันเร่งได้อย่างมั่นใจ

ระบบช่วงล่างยกตัวอัตโนมัติ (Self-Levelizer) ช่วยปรับระดับช่วงล่างให้อยู่ระนาบเดียวกัน เช่นเมื่อมีการบรรทุกสัมภาระด้านท้ายรถ จะปรับให้ด้านหน้ากับหลังอยู่ระดับเดียวกัน เพื่อให้ควบคุมรถได้มั่นคงขึ้น

ระบบควบคุมความเร็วขณะลงที่ลาดชัน (Hill Descent Control) เพียงกดปุ่ม HDC บนคอนโซล ระบบจะควบคุมความเร็วให้เหมาะสม ผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบเบรก ตัวรถจะไหลลงทางลาดชันด้วยความเร็วคงที่

รถอเนกประสงค์อย่างแคปติวา มีสมรรถนะขนาดนี้ อุปกรณ์ต่างๆ ระดับนี้ หน้าตาประมาณนี้ ตั้งราคาไว้ที่ 1,198,000-1,699,000 บาท คือคำตอบสำหรับคำถามทำไมถึงเป็นรถอเนกประสงค์ยอดนิยม

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

CHEVROLET TRAILBLAZER อยากติดแก๊ส....ข้อดี ข้อเสีย ?

CHEVROLET TRAILBLAZER  อยากติดแก๊ส....ข้อดี ข้อเสีย ?

- ระบบแก๊สสำหรับเครื่องดีเซลยังไม่เสถียรพอครับ ค่าติดตั้งก็แพงมาก เครื่องพังเร็วอีกตะหาก ในช่วงนี้ยังไม่แนะนำครับ ใช้ดีเซลก็ไม่เปลืองมากนัก ถ้าต้องการประหยัดก็แนะนำติดกล่องดันราง แล้วขับธรรมดาๆ ก็ช่วยให้ประหยัดขึ้นได้เยอะแล้วครับ

- Sport Cruiser รถประจำตำแหน่งที่ทำงานเก่าผมเคยติดครับ
บริษัทให้งบมา ไม่ติดของบคืน เอาวะ ติดก็ติด
ค่าติดสมัยนั้น 45000 บาท (ช่วงนั้นน้ำมันลิตรละประมาณ 45 บาทมั๊ง)
ดีเซลมัน mix แก๊สเข้าไปประมาณ 30% เท่านั้น
คิดแล้วประหยัดไปประมาณ 0.25 บาท/km
เรื่องแรงนี่แรงดีมากๆเลย เร่งเป็นมา
วันไหนที่แก๊สหมดนี่หงุดหงิดเลย ต้องรีบหาเติม
เพราะทนขับอืดๆ เร่งไม่ค่อยขึ้นไม่ได้

สรุป
ถ้าจ่ายตังค์ติดเอง คงไม่ติดแน่
เพราะหาจุดคุ้มทุนแทบไม่เจอ
ยิ่งถ้าเป็นรถตัวเองด้วยแล้ว เสียดายรถครับ

- ศึกษาจากลิงค์นี้นะครับ http://www.siamrajgas.com/
เป็นบริษัทที่ติดเอ็นจีวีเข้ากับเครื่องดีเซล จำได้ว่าตอนไปโชว์มี Colorado ติดด้วยเหมือนกัน

ราคาติดตั้งก็มีหลักแสนกว่าๆ